|
(ซ้าย) นายภูริวัจน์
บุญงาม อายุ 37 ปี หนุ่มเมืองช้าง
หันหลังให้เมืองกรุงกลับบ้านเกิดทำฟาร์มผักออร์แกนิค ที่จ.สุรินทร์
ประสบผลสำเร็จส่งขายหลายจังหวัดภาคอีสานและขึ้นห้างชื่อดังสร้างรายได้เดือน
ละ 2 แสนบาท วันนี้ ( 29 ต.ค.)
|
|
|
สุรินทร์- ทึ่ง! หนุ่มเมืองช้างทิ้งรายได้หลักล้านหันหลังให้เมืองกรุง
กลับไปใช้วิถีชีวิตเกษตรกรคนรุ่นใหม่ที่บ้านเกิด จ.สุรินทร์
มุ่งเดินตามรอยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ลงทุนทำฟาร์มสวนผักออร์แกนิค
บนพื้นที่เพียง 2 งาน
ประสบความสำเร็จส่งผลผลิตขายหลายจังหวัดทั่วอีสานและขึ้นห้างชื่อดัง
สร้างรายได้งามเดือนละกว่า 2 แสน เผยยั่งยืน สุขภาพดี
ได้อยู่บ้านดูแลพ่อแม่ยามแก่ชรา
วันนี้ (29 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ที่ตำบลท่าสว่าง อ.เมือง
จ.สุรินทร์ ได้มีเกษตรกรคนรุ่นใหม่ ทำฟาร์มสวนผักออร์แกนิค บนพื้นที่เพียง
2 งาน
ประสบผลสำเร็จส่งผลผลิตขายตามห้างสรรพสินค้าชื่อดังในตัวเมืองสุรินทร์
สร้างรายได้งามถึงเดือนละ 2 แสนบาท ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพบกับ
นายภูริวัจน์ บุญงาม อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 ม.5 ต.ท่าสว่าง อ.เมือง
จ.สุรินทร์ เจ้าของ “ฟาร์มผักสลัดคุณภู” สวนผักออร์แกนิค ดังกล่าว
สอบถามทราบว่า หลังจบการศึกษา ระดับ ปวส. สาขา พาณิชย์ศิลป์
วิทยาลัยศิลปหัตถกรรมกรุงเทพฯ ได้เข้าทำงานรับจ้างเป็น กราฟฟิกดีไซด์
โปรดักซ์ชั่นเฮาส์ และเป็นผู้ออกแบบโฆษณาต่างๆ ทางสื่อสิ่งพิมพ์
วิทยุและโทรทัศน์ ที่กรุงเทพฯ มีรายได้หลักล้านบาทต่อเดือน
แต่อยากกลับมาใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ดูแลพ่อแม่ชรามากแล้วที่
จ.สุรินทร์บ้านเกิด พร้อมต้องการเดินตามรอยวิถีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
จึงตัดสินใจกลับบ้านมาปรับเปลี่ยนทุ่งนาข้าวหอมมะลิให้เป็นสวนผัก
ออร์แกนิค
เริ่มลงทุนครั้งแรกจากเงินกู้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(ธ.ก.ส.) 200,000 บาท ทำโรงเรือน ซื้อเมล็ดพันธุ์ผัก และ กำจัดวัชพืช
โดยไม่ใช้สารเคมี ส่วนแหล่งน้ำโชคดีที่ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม
เพราะอยู่ใกล้สระน้ำ ซึ่งปลูกผักใช้เวลาเพียง 2-4 เดือน
สามารถทยอยเก็บผลผลิตรุ่นแรกได้ และทำมานานกว่า 6 ปี แล้ว
แต่ละเดือนสวนผักออร์แกนิคแห่งนี้ให้ผลผลิตราว 2 ตัน
ช่วงแรกส่งขายในเขต จ.สุรินทร์ ต่อมาตลาดผู้บริโภคขยายตัว
ส่งขายไปไกลทั่วภาคอีสาน
โดยราคาจำหน่ายผักออร์แกนิคสูงกว่าผักตามท้องตลาดทั่วไป 3-4 เท่าตัว
ฉะนั้นปลูกผักบนพื้นที่เพียง 2 งาน
สามารถสร้างรายได้เข้ากระเป๋าเดือนละไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท
ผลพลอยได้จากการปลูกผักออร์แกนิค คือ สุขภาพดีเพราะปลอดจากสารเคมี
สภาพพื้นที่และแหล่งน้ำปลอดภัย ซึ่งผู้ที่สนใจอยากปลูกผักออร์แกนิค
อาจเริ่มจากพื้นที่เล็กๆ เพียง 1-2 งานก่อน
เริ่มจากปลูกพืชผักสวนครัวเพราะแต่ละชนิดมีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น
สามารถปลูกไว้รับประทานหมุนเวียนได้ทั้งปี
และยังสามารถขยับขยายปลูกไว้จำหน่ายเป็นรายได้เสริมได้ดีอีกด้วย
นายภูริวัจน์ เล่าอีกว่า ในช่วงทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ
ได้มีโอกาสเข้าศึกษาการปลูกพืชผักออร์แกนิค ที่โครงการหลวง โกลเด้นเพลส
จึงเล็งเห็นโอกาสในการทำอาชีพการเกษตรและผลิตอาหารที่ยั่งยืน
เพราะคนต้องบริโภคทุกวัน และการทำฟาร์มสวนผักออร์แกนิค นั้น
การบริหารจัดการไม่เหนื่อย ไม่ต้องพรวนดิน หรือรดน้ำ กำจัดวัชพืช
ที่สำคัญมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นต้นแบบ ในการทำเศรษฐกิจพอเพียง
จึงตัดสินใจกลับมาการทำสวนผักออร์แกนิค ที่ จ.สุรินทร์ บ้านเกิด
โดยการกู้ยืมเงิน ธ.ก.ส.มา 200,000บาท
มาทำแปลงด้วยความตั้งใจและทำการตลาดอย่างจริงจัง ประมาณ 3 เดือน ธ.ก.ส.
ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจและเสนอให้เงินกู้เพิ่มอีก 300,000 บาท
เมื่อมาทำธุรกิจผักออร์แกนิคทำให้เห็นความยั่งยืนของอาชีพเกษตรกรรม
ที่มีการจัดการชัดเจนเป็นระบบนั้น สามารถทำได้ในระยะยาว ผ่านมากว่า 6 ปี
ขณะนี้ตนมีแปลงผักออร์แกนิคกว่า 300 แปลง มีผลผลิตกระจายได้ทั้ง จ.สุรินทร์
วางขายในห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์สโตร์ และจังหวัดใกล้เคียง เช่น บุรีรัมย์
ร้อยเอ็ด มีรายได้ประมาณเดือนละ 200,000 บาท
อนาคตกำลังวางแผนขยายแปลงปลูกผักออร์แกนิคที่ประเทศกัมพูชา ในต้นปี 2559
และ จะขยายแปลงผักอีกหลายร้อยแปลง เพื่อการส่งออกเป็นระดับหลายตัน
นายภูริวัจน์ กล่าวในตอนท้าย
ด้าน นายช่วย บุญงาม อายุ 65 ปี บิดาของนายภูริวัจน์ บุญงาม
กล่าวว่า ดีใจมากที่ลูกชายได้กลับมาทำงานอยู่บ้านเกิด
เมื่อก่อนทำงานบริษัทอยู่ที่กรุงเทพๆ
ต้องเดินสายทำงานไปทั่วจนไม่มีเวลาพักผ่อน
มาบอกกับตนว่าอยากกลับบ้านมาทำการเกษตรที่บ้านเกิด ตนก็ไปหากู้เงิน
ธ.ก.ส.ให้ ตอนแรกคิดว่าไม่ได้ผล พอทำมาเรื่อยๆ
ก็ประสบผลสำเร็จอย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้
|
沒有留言:
張貼留言